เรียนรู้เรื่อง ฟิสิกส์พลังงาน พลังงานความร้อน พลังงานอุณหภูมิ ทฤษฏี กฏเทอร์โมไดนามิกส์ 
          ทฤษฎีพลังงานความร้อน พลังงานอุณหภูมิ การคำนวณจากกฎเทอร์โมไดนามิกส์
            
            
          พลังงานความร้อน เกิดจากการทำงานเชิงกล, ปฏิกิริยาเคมี,   ปฏิกิริยานิวเคลียร์ และอื่นๆ สามารถทำให้วัตถุมีการขยายตัว หดตัว   และสามารถทำงานได้ 
            พลังงานความร้อนมีหน่วยเป็น จูล หรือ แคลอรี่   โดยที่พลังงานกล 4.18 จูล มีค่าเท่ากับ 1 แคลอรี่ สำหรับ ฟิสิกส์   แล้วเรานิยมให้หน่วยเป็น จูล 
           เราสามารถแสดงความสัมพันธ์ระหว่างพลังงานกล และพลังงานความร้อนได้ดังนี้  
             
          ตัวอย่างของ  Mechanical Energy เช่น   พลังงานศักย์โน้มถ่วง เมื่อวัตถุตกถึงพื้นข้างล่างแล้ว   พลังงานศักย์โน้มถ่วงจะกลายไปเป็นความร้อน 
             
           ตัวอย่างต่อไปเช่น กระสุนวิ่งไปชนเป้า   	กระสุนจะมีพลังงานจลน์ เมื่อวิ่งไปชนเป้าก็จะเปลี่ยนพลังงานจลน์ไปเป็นพลังงานความความร้อนให้กับลูกปืนและเป้า 
             
          ตัวอย่างต่อไปเช่น พลังงานไฟฟ้าก็สามารถเปลี่ยนไปเป็นพลังงานความร้อนได้ด้วย 
             
          โดยที่ P คือ กำลังไฟฟ้า มีหน่วยเป็น วัตต์ หน่วยของกำลัง แบบอื่นเช่น 1 กำลังม้า มีค่าเท่ากับ 746 วัตต์ 
          t คือ เวลา 	หน่วยเป็นวินาที 
          พลังงานความร้อนที่วัตถุนั้นๆ ได้รับจากเหตุผลใดๆ ก็แล้วแต่   มีผลให้วัตถุมีอุณหภูมิเปลี่ยนไป  
            การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ   มีผลต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ให้เราได้คิดอีกคือ   ทำให้วัตถุมีรูปร่างเปลี่ยนไปด้วย  
            เช่นมีความยาวเพิ่มขึ้น   ตามคุณสมบัตเชิงความร้อนของวัตถุนั้น 
           พลังงานความร้อนที่ได้รับทำให้วัตถุนั้นมีอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงอย่างไรหาได้จากสมการ 
             
          โดยที่ m คือมวล  c คือความจุความร้อนจำเพาะ(c พิมพ์เล็ก) และ t คือ อุณหภูมิ 
          หรือสมการ 
             
          โดยที่ C คือความจุความร้อน(c พิมพ์ใหญ่) และ t คือ อุณหภูมิ 
          สิ่งที่ควรให้ความสนใจก่อนใช้งานสมการทั้งสองคือ 
          Dt คือผลต่างของอุณหภูมิเริ่มต้น และ สุดท้าย	ดั้งนั้นจะมีหน่วยเป็นองศาเซลเซียส หรือ องศาเคลวิน ก็ได้ เพราะมันคือผลต่าง 
          c ความจุความร้อนจำเพาะมีหน่วยอะไร ให้ใช้ มวลเป็นหน่วยนั้นๆ ยกตัวอย่างเช่นอะลูมิเนียมีความจุความร้อนจำเพาะคือ 
             
          ดังนั้นมวล มีหน่วยเป็นกิโลกรัม เพราะว่า หน่วยของมวล จากความจุความร้อนจำเพาะข้างต้น ใช้หน่วยเป็นกิโลกรัม 
          แต่ถ้าใช้ C ความจุความร้อน ก็จะไม่มีมวลเข้ามาเกี่ยวข้องกับการคิดเลข 
          การที่วัตถุได้รับความร้อนจนถึงจุดหนึ่ง   ความร้อนที่ให้จะไปเปลี่ยนสถานะของวัตถุ   เรียกความร้อนที่ใช้ในการเปลี่ยนสถานะว่า ความร้อนแฝง 
          การเปลี่ยนสถานะจากของแข็งเป็นของแหลว เรียกว่า ความร้อนแฝงของการหลอมเหลว 
          การเปลี่ยนสถานะจากของแหลวเป็นก๊าซ เรียกว่า ความร้อนแฝงของการกลายเป็นไอ 
          ความร้อนแฝงจำเพาะ คือความร้อนแฝงต่อมวล 1 หน่วย มีหน่วยเช่น จูลต่อกิโลกรัม 
          สมการที่ใช้งานคือ 
             
          โดยที่ L คือความร้อนแฝงจำเพาะ 
             
           จากกราฟข้างต้นหามาดูของจริงเป็นตัวอย่างในที่นี้คือน้ำจะได้กราฟดังรูป 
             
          มาพิจารณากันแบบสนุกๆ นะ 
          ช่วง A น้ำแข็งหนัก 1 กรัม อุณหภูมิ -30 องศาเซลเซียส กลายไปเป็นน้ำแข็งที่อุณหภูมิ 0 องศาเซลเซียส ดูดความร้อนไป 62.7 จูล 
          ช่วง B น้ำแข็ง อุณหภูมิ 0 องศาเซลเซียส กลายไปเป็น น้ำที่ อุณหภูมิ 0 องศาเซลเซียส ดูดความร้อนไป 333 จูล (จากกราฟคือ 396-62.7) 
          ช่วง C น้ำ อุณหภูมิ 0 องศาเซลเซียส กลายไปเป็น น้ำที่ อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส ดูดความร้อนไป 419 จูล (จากกราฟคือ 815-396) 
          ช่วง D น้ำ อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส กลายไปเป็น ไอน้ำที่ อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส ดูดความร้อนไป 2255 จูล (จากกราฟคือ 3070-815) 
          ช่วง E ไอน้ำ อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส กลายไปเป็น ไอน้ำที่ อุณหภูมิ 130 องศาเซลเซียส ดูดความร้อนไป 40 จูล (จากกราฟคือ 3110-3070) 
          Note:  กราฟข้างต้นจะมีตัวเลขที่แตกต่างจากการคำนวณบ้างเล็กน้อย 
           จากนี้ลองมาดูคำถามที่จะต้องเจอกัน 
           ตัวอย่างที่ 1 รถยนต์มวล 800 กก. กำลังแล่นด้วยความเร็ว 72   กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถ้ารถเบรคจนกระทั้งหยุดสนิทภายในเวลา 5 วินาที   อัตราการเกิดพลังงานความร้อนที่ระบบเบรคทั้งหมดเป็นเท่าใด?  
          วิธีทำ รถกำลังแล่นย่อมมีพลังงานจลน์ เมือรถเบรคให้หยุดพลังงานจลน์จะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน   	ดังนั้นแล้ว 
          พลังงานความร้อนทั้งหมด = พลังงานจลน์ที่ลดลง 
             
          อัตราความร้อนที่เกิดขึ้น ก็คือ ความร้อนทั้งหมด หารด้วย เวลา หรือเรียกอีกอย่างว่า กำลัง (P) 
             
          ตัวอย่าง 2 ใช้เลื่อยไฟฟ้าขนาด 0.5 แรงม้า   เลื่อยอะลูมิเนียมแผ่นหนึ่งซึ่งมีมวล 500 กรัม ต่อเนื่องนาน 1 นาที  
            ถือว่า   20 เปอร์เซ็นต์ของพลังงานจากเลื่อย เกิดขึ้นกับอะลูมิเนียม    
            จงหาว่าอะลูมิเนียมจะร้อนขึ้นกี่องศา  	 กำหนดความจุความร้อนจำเพาะของอะลูมิเนียม 840 จูลต่อกิโลกรัม เคลวิน และ 1   กำลังม้าเท่ากับ 746 วัตต์  
          วิธีทำ 
             
           จากความร้อนที่ได้นำไปหาค่าอุณหภูมิที่สูงขึ้นดังนี้ 
             
          อุณหภูมิสูงขึ้น 10.66 องศาเซลเซียส หรือ เคลวิน 
          ตัวอย่างที่ 3 กระสุนปืนทำด้วยทองแดงถูกยิงด้วยความเร็ว 200   เมตรต่อวินาที เข้ากระทบเป้าซึ่งมีความจุความร้อนจำเพาะต่ำมาก    
            และพลังงานจลน์ของกระสุนปืนเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนหครึ่งหนึ่ง    
            จงหาว่ากระสุนมีอุณหภูมิสูงขึ้นที่อาศา  	 กำหนดให้ความจุความร้อนจำเพาะของทองแดง 400 จูลต่อกิโลกรัมเคลวิน 
          วิธีทำ 
             
          ลูกปืนมีอุณหภูมิสูงขึ้น 25 องศาเซลเซียส หรือ เคลวิน 
          ตัวอย่างที่ 4 เผาก้อนทองแดงก้อนหนึ่ง ซึ่งมีมวล 500 กรัม   จนกระทั่งทองแดงมีอุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส  
            เอาทองแดงก้อนนี้ใส่ลงในน้ำมวล   800 กรัม อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส   กำหนดให้มีการถ่ายเทความร้อนระหว่างระบบกับสิ่งแวดล้อม   	 
            และความจุความร้อนจำเพาะของแก้วน้อยมาก จงหาอุณหภูมิสุดท้าย    
            กำหนดให้ความจุความร้อนจำเพาะของน้ำและทองแดงในหน่วย   กิโลจูลต่อกิโลกรัมเคลวินเป็น 4.2, 0.40 ตามลำดับ 
          วิธีทำ คำถามนี้เหมือนการผสมของ 2 สิ่งเข้าด้วยกัน   ในที่นี้คือทองแดงกับน้ำ ทองแดงมีอุณหภูมิลดลง จนถึงจุดที่สมดุล    
            ส่วนน้ำอุณหภูมิสูงขึ้นจนถึงจุดสมดุล ดังนั้นเราสมมุติ ให้อุณหภูมิ   สมดุลสุดท้ายเป็น x องศา 
           ขั้นแรกหาความร้อนที่ก้อนทองแดงคายความร้อน 
             
           ขั้นที่สองหาความร้อนที่น้ำรับความร้อน 
             
          แต่ความร้อนที่ลงลด = ความร้อนที่เพิ่มขึ้น 
             
          ดังนั้นอุณหภูมิสุดท้ายคือ 27.3 องศาเซลเซียส 
            
           
           
           |